จากการที่ปัจจุบันโลกได้มีวิวัฒนาการที่เจริญก้าวหน้าทั้งเทคโนโลยีด้านการแพทย์ และการศึกษาทำให้ประชากรมีอายุยืนขึ้น มีการวางแผนครอบครัวสามารถลดอัตราการเกิดของประชากรลงได้ ประกอบกับอัตราการตายลดลง ทำให้โครงสร้างของประชากรมีการเปลี่ยนแปลงไป โดยประชากรวัยสูงอายุมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จากร้อยละ 8.11 ในปี พ.ศ. 2538 เพิ่มเป็น 9.19 และ10.17 ในปี พ.ศ. 2543 และ2548 ตามลำดับโดยมีแนวโน้มเพิ่ม ขึ้น เป็น ร้อยละ 11.36 ของประชากรทั้งหมด ในปี พ.ศ. 2553 จังหวัดจันทบุรี พบว่าจำนวนผู้สูงอายุในจังหวัดจันทบุรี มีแนวโน้มเพิ่ม ขึ้นทุกปี ผู้สูงอายุเป็นวัยที่ร่างกายมีการเสื่อมอย่างรวดเร็วทำให้มีแนวโน้มที่จะเกิดปัญหาสุขภาพสูงกว่าวัยอื่น ๆการเพิ่มจำนวนของผู้สูงอายุดังกล่าว เกิดผลกระทบต่อการใช้ทรัพยากรทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ และสุขภาพอันได้แก่ ปัญหาทางสุขภาพ ที่สำคัญคือโรคไม่ติดต่อและอุบัติเหตุ ซึ่ง ส่งผลต่อ การเกิดภาวะทพุพลภาพ และความพิการต่าง ๆ ของผู้สูงอายุ ภาระในการเลี้ยงดูผู้สูงอายุระยะยาวทั้งในลักษณะที่เป็นทางการได้แก่การบริการด้านสุขภาพและด้านสังคม ที่รัฐบาลจัดสรรงบประมาณมาให้และการดูแลในลักษณะที่ไม่เป็นทางการจาก ครอบครัวเพื่อน และเพื่อนบ้าน โดยการดูแลอย่างไม่เป็นทางการนี้นับว่าเป็นลักษณะส่วนใหญ่ของการดูแลระยะยาวในสังคมไทย ซึ่งอยู่ในภาระของครอบครัว จากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของครอบครัวจากครอบครัวขยายมาเป็นครอบครัวเดี๋ยวทำให้เกิดความถดถอยในความสามารถของครอบครัวในการดูแลจัดการกับ ผู้สูงอายุที่ชรามาก และมีแนวโน้มเกิดความล้มเหลวของการดูแลระยะยาวภายในครอบครัวสูงขึ้นในอนาคต และการให้ความช่วยเหลือผู้สูงอายุส่วนใหญ่ มีรายงานว่าได้รับความช่วยเหลือในการทำกิจวัตรประจำวันเพียงร้อยละ 3 ของผู้สูงอายุที่ทำกิจวัตรประจำวันด้วยตนเองไม่ได้และต้องการความช่วยเหลือนอกจากนี้ความต้องการความช่วยเหลือในการทำกิจวัตรประจำวันของผู้สูงอายุมีโอกาสเพิ่มมากขึ้นในอนาคตอีกด้วยเนื่องจากผู้สูงอายุจะมีชีวิตยืนยาวขึ้น
จากข้อมูลสถิติ สถานการณ์ที่ได้ดำเนินงานโครงการ H4QOL for The Ederly เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุปีที่ผ่านมานั้นพบปัญหาต่อเนื่องของผู้ดูแลผู้สูงอายุ จากการร่วมเสวนาพบปัญหาที่ควรแก้ไขหากผู้ดูแลผู้สูงอายุมีความพร้อมการดูแลที่ดีก็จะส่งผลให้คุณภาพชีวิตที่ดีต่อผู้สูงอายุเช่นกัน จากสถานการณ์ที่ผู้ดูแลต้องดูแลผู้สูงอายุที่ต้องปฏิบัติซ้ำๆ จำเจทุกวัน ประจวบช่วงเผชิญวิกฤตโรคระบาดไวรัสโคโรน่าการใช้ชีวิตตามนวัตวิถี ยิ่งนานวันทำให้เกิดผลกระทบต่อ ผู้ดูแลทั้งทางด้านร่างกายจิต ใจสังคมเศรษฐกิจ และจิตวิญญาณ ส่งผลให้ผู้ดูแลมีความรู้สึกท้อแท้วิตกกังวล และผู้ดูแลบางรายอาจต้องออกจากงานทำให้สูญเสียรูายได้ จากผลกระทบที่เกิดขึ้นทำให้ผู้ดูแลมีความยากลำบากในการดูแลจากการเพิ่มงานที่มีอยู่เดิมและสภาพอารมณ์ทำให้รู้สึกเป็นภาระ ความพร้อมเป็นสภาวะของ บุคคลที่พร้อมปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพความพร้อมเป็นปัจจัยสำคัญในการทำนายผลที่จะเกิดขึ้นในการปฏิบัติกิจกรรมนั้น ๆ ว่าจะสามารถปฏิบัติกิจิกรรมนั้น ๆ ได้ดีเพียงใดความพร้อมที่ดีของผู้ดูแลเป็นการประเมินการรับรู้ในด้านภาระหน้าที่การดูแลในบทบาทของผู้ดูแลเพื่อตอบสนองความต้องการทางด้านร่างกายและอารมณ์ของผู้สูงอายุรวมถึงการจัดการปัญหาและความเครียดที่เกิดจากการรับบทบาทเป็นผู้ดูแลซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาของ Archbold, Stewart,Greelink & Harvath เกี่ยวกับภาวะทางอารมณ์ความพร้อมและปัจจัยในบทบาทของผู้ดูแลที่พบว่าญาติที่มีความพร้อมในการดูแลสูงจะมีความเครียดในการดูแลระดับ ต่ำ การเตรียมความพร้อมในการดูแลจึงเป็น ปัจจัยที่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็นความพร้อมทางด้านร่างกายและจิต ใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเตรียมความพร้อมทางด้านจิตใจและความรู้เกี่ยวกับการดูแลการประเมิน ถึง ความสามารถในการดูแลผู้สูงอายุซึ่งการดูแลผู้สูงอายุประกอบด้วยการรับรู้บทบาทและภาระหน้า ที่ในการดูแลรวมถึง การจัดการกับ ปัญหาและความรู้สึกเครียดที่เกิดจากการดูแลการที่ผู้ดูแลมีความพร้อมในการดูแลสิ่งเหล่านี้จะส่งผลให้ผู้ดูแลสามารถเผชิญปัญหาและอุปสรรคจากการดูแลได้อย่างเหมาะสมไม่รู้สึกเป็นภาระจากการดูแลเกิดความเชี่ยวชาญและมั่นใจในการดูแลมากยิ่งขึ้นสามารถเผชิญปัญหาและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ในระหว่างการดูแลได้และที่สำคัญจะส่งผลให้สามารถดูแลผู้สูงอายุได้อย่างมีประสิทธิภาพซึ่งความพร้อมที่ดีจะทำให้ผู้ดูแลเกิดความมั่นใจในการดูแลผู้ป่วยที่บ้าน โดยทั้งนี้การที่ผู้ดูแลมีความพร้อมที่ดีจะทำให้สามารถปฏิบัติบทบาทและหน้าที่ในการดูแลได้อย่างถูกต้องไม่เกิด ความรู้สึกเครียดและเป็นภาระจากการดูแลผู้สูงอายุ
ดังนั้นการดูแลผู้สูงอายุให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีนั้นจำเป็นต้องดูแลคุณภาพชีวิตผู้ดูแลผู้สูงอายุร่วมด้วยจากการดำเนินงานโครงการ H4QOL for The Ederly เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุสะท้อนให้เห็นปัญหาของผู้ดูแล ทั้งนี้คณะพยาบาลศาสตร์จึงตระหนักถึงความสำคัญของสภาพปัญหาและความต้องการของผู้สูงอายุและผู้ทำหน้าที่ดูแลผู้สูงอายุ จึงได้พัฒนาแนวทางการสนับสนุนคุณภาพชีวิตในผู้ดูแล แบบองค์รวมดูแลกาย และจิตใจ ได้แก่ "Smile Strong Smart and Health for The Caregiver"ซึ่งประกอบด้วย การส่งเสริมด้านการคิดตัดสินใจ การส่งเสริมด้านความสุขทางจิตใจ การส่งเสริมการดูแลด้านร่างกายและสังคม และการส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือภาคีทุกภาคส่วน ได้แก่ อาจารย์พยาบาล อาสาสมัครสาธารณสุข ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในชุมชน ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนารูปแบบการช่วยเหลือในการดูแลผู้สูงอายุแก่ผู้ดูแลเพื่อให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไปในอนาคต
กิจกรรม-อบรมเชิงปฏิบัติการ "Training The Trainer
-อบรมเชิงปฏิบัติการ "Smile Strong Smart and Health for The Caregiver เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตผู้ดูแลผู้สูงอายุ"
-อบรมเชิงปฏิบัติการ "Training The Caregiver"